ทุกวันนี้ซุปเปอรืฮีโร่ไม่เคยห่างหายไปจากสังคมของเราเลยสักครั้ง สังเกตได้จากโรงภาพยนตร์ที่ต่างยกขบวนพาเหรดยอดมนุษย์กู้โลกมาให้เราได้ดูกันแทบทุกปี แถมส่วนมากยังสร้างชื่อเสียงให้แก่นักแสดงและประสบความสำเร็จด้านรายได้อีกด้วย ยิ่งในปัจจุบันที่หนังแนวนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชม ทำให้คนที่มารับบทนำเป็นฮีโร่แต่ละเรื่องนั้นตกถังข้าวสารแบบไม่มีวันปีนขึ้นออกมาได้ ยกตัวอย่างเช่น โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จาก Ironman ที่กลายเป็นนักแสดงที่ค่าตัวสูงที่สุดในโลก แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีนักแสดงบางส่วนที่เกือบกลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่มาให้เราได้ดูกัน
1. ทอม ครูซ และ นิโคลัส เคจ เกือบได้เป็น Ironman
ก่อนบทนี้จะตกเป็นของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ทางทีมงานเคยทาบทาม ทอม ครูซ และ นิโคลัส เคจ ให้มารับบท โทนี่ สตาร์ค มาก่อน โดยครูซได้ปฏิเสธไปเพราะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทนี้ ส่วนเคจติดงานเรื่องอื่นอยู่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นโชคดีของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และคนดูที่ได้เห็น Ironman เป็น Ironman จริง ๆ ทั้งในจอและนอกจอ
ในปี 1989 หนังเรื่อง “Batman” ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทางค่าย Warner Bros. จึงตัดสินใจให้ ทิม เบอร์ตัน รีบู๊ตซุปเปอร์แมนขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่า “Superman Lives” แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนอย่างที่แบทแมนประสบความสำเร็จแถมยังมีแววว่าจะล้มเหลวอีกด้วยเนื่องจากโปรดิวเซอร์ จอน ปีเตอร์ ต้องการให้ซุปเปอร์แมนต่อสู้กับแมงมุมยักษ์และใส่หมาอวกาศไปในเรื่องนอกจากนี้ลุคของเคจก็ไม่ได้เหมาะกับซุปเปอร์แมนแต่อย่างใด
เธอมีชื่อในโปรเจกต์ Spider-Man 4 ของผู้กำกับ แซม ไรมี่ โดย แอนน์ แฮททาเวย์ จะมารับบทเป็น เฟลิเซีย ฮาร์ดี ที่ภายหลังกลายเป็น Black Cat แมวขโมยสาวที่มีใจให้กับ Spiderman แต่ในเวลาเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าแฮททาเวย์รับบทเป็น Vultress ตัวร้ายคนใหม่ในเรื่องเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายคดีพลิก Sony ตัดสินใจรีบู๊ตแฟรนไชส์สไปเดอร์แมนใหม่ทั้งหมด ทำให้แฮททาเวย์ต้องระเห็จกลายเป็น Catwoman แมวขโมยสาวอีกคนในเรื่อง “The Dark Knight Rises”
หากพูดถึง Spiderman รู้หรือไม่ว่าผู้กำกับชื่อดังอย่าง เจมส์ คาเมรอน เคยวางแผนนั่งแท่นกำกับไอ้แมงมุมและคว้าลิขสิทธิ์ของแฟรนไชส์เรื่องนี้มาทำ ซึ่งทางลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องนี้เคยตกเป็นของ Carolco Pictures ค่ายภาพยนตร์ที่ผลิต “Terminator 2: Judgment Day” และคาเมรอนก็ให้ เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง มาแคสตัวเป็นสไปเดอร์แมน และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ให้มาคัดตัวเป็นด็อคเตอร์อ็อคโทพุส แต่สุดท้ายทางค่ายก็ล้มเหลวเรื่องลิขสิทธิ์ ก่อนที่ทางโซนี่จะคว้าไปแทน แต่ยังคงรักษาตัวบทของคาเมร่อนไว้ ซึ่งทางโซนี่ก็ได้หมายตา ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ให้มารับบทไอ้แมงมุม ก่อนที่พวกเขาจะจ้าง แซม ไรมี่ ซึ่งมีแนวทางการคัดตัวนักแสดงเป็นของตัวเองเข้ามาเป็นผู้กำกับ
5. จอห์น คราซินสกี้ เกือบได้เป็น Captain America
พ่อหนุ่ม จิม จากเรื่อง “The Office” เกือบได้มาขว้างโล่ให้กับทีมอเวนเจอร์ เขาคัดตัวชนะนักแสดงมามากมายอย่างเช่น ไรอัน ฟิลลิปป์, ไมค์ โวเกล, การ์เรต เฮดลันด์ รวมไปถึง เชนนิ่ง ทาทั่ม แต่สุดท้าย คริส อีแวนส์ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้และคว้าบทนี้ไปครองซะดื้อ ๆ โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบใด ๆ
6. เอมิลี บลันต์ เกือบได้เป็น Black Widow
แฟนสาวของ จอห์น คราซินสกี้ เกือบได้โผล่มาในเรื่อง Ironman 2 ในบทของ นาตาชา โรมานอฟ หรือที่รู้จักกันดีในนาม แบล็ควิโดว์ แต่บทของเธอไม่ได้ถูก สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน แย่งไปเหมือนอย่างคราซินสกี้ แต่ช่วงนั้นเธอติดถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “Guliver’s Travels” ของ แจ็ค แบล็ค ทำให้ต้องปฏิเสธบทสายลับสาวในทีมอเวนเจอร์ไปอย่างน่าเสียดาย
และเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอก็ตกเป็นข่าวว่าจะมารับบทเป็น Captain Marvel แต่เธอก็ออกมาปฏิเสธว่า "บ้าไปแล้ว ฉันไม่รู้เรื่องไรเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำกัปตันมาร์เวลคือใคร" ก็นะ พอล รัดต์, เบเดดิคต์ คัมเบอร์แบทซ์ ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ประมาณนี้ แต่สุดท้ายก็เรียบร้อยโรงเรียนมาร์เวลไปทุกราย
จิม คาวีเซล ได้เข้าคัดตัวเพื่อมาแสดงเป็นไซคลอปส์จากเรื่อง X-Men และเขาก็เอาชนะดาราคนอื่น ๆ มามากมาย แต่เวลานั้นเขาดันติดงานกับภาพยนตร์เรื่อง “Frequency” ทำให้เขาต้องถอนตัวออกมาจากบทผู้นำมนุษย์กลายพันธุ์ ก่อนที่จะส่งต่อให้กับ เจมส์ มาร์สเดน มาทำหน้าที่แทน
ดูเกรย์ สก็อต ได้เซ็นสัญญารับบทเป็นวูฟเวอรีนเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสัญญาดังกล่าวก็ครอบคลุมถึงภาคต่อไปอีกด้วย แต่เป็นเพราะเวลานั้นเขาติดถ่ายทำหนังเรื่อง Mission Impossible II เขาจึงต้องถอนตัวออกจากบทนี้ ก่อนที่นักแสดงชาวออสซี่อย่าง ฮิวจ์ แจ็คแมน จะได้บทวูฟเวอรีนไปครอง ทำให้เขาต้องสวมกรงเล็บเป็นเวลานานถึง 15 ปีด้วยกัน
9. มาร์ลอน เวย์นส์ เกือบได้เป็น Robin
มาร์ลอน เวย์นส์ ได้เซ็นสัญญารับบทเป็นโรบินในเรื่อง “Batman Forever” เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งต่อมาเรื่องนี้ได้เปลี่ยนผู้กำกับจาก ทิม เบอร์ตัน เป็น โจเอล ชูมาเกอร์ ทำให้การตัดสินใจต่าง ๆ ตกอยู่ในมือของชูมาเกอร์ และเขาก็ตัดสินใจให้นักแสดงผิวขาวอย่าง คริส โอ’คอนเนลล์ มารับบทเป็นโรบินแทน โดยที่เขายังจ่ายค่าตัวให้เวย์นส์แบบเต็มจำนวน ทำให้การยกเลิกสัญญานี้เป็นการจากลาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
10. บิลล์ เมอร์เร่ย์ เกือบได้เป็น Batman
หลังจาก Warner Bros. ประสบความสำเร็จกับซุปเปอร์แมน ทางค่ายจึงได้วางแผนทำเรื่องแบทแมนเป็นเรื่องต่อไป ซึ่งแรกเริ่มได้วางโครงเรื่องให้หนังออกมาเป็นแนวสืบสวนปนตลก และวางตัว บิลล์ เมอร์เร่ย์ ให้มาเป็นนักแสดงนำในบทแบทแมน แต่ภายหลังเมื่อ ทิม เบอร์ตัน เอาไอเดียของเขามานำเสนอ ทางค่ายจึงรู้สึกสนใจและดันเบอร์ตันเป็นผู้กำกับในที่สุด ซึ่งต่อมาเขาก็เลือก ไมเคิล คีตัน ที่เคยร่วมงานกับเขาในเรื่อง “Beetlejuice” ให้มาส่วนชุดมนุษย์ค้างคาวปกป้องก็อตแธม
ดูอนิเมะฮีโร่เรื่องอื่น ๆ คลิ๊ก